สนใจหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Click
กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะกับช่วงสาระน่ารู้กับคุณหมอพลอยใส สำหรับวันนี้ ข้อมูลที่นำมาฝากทุกคนเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงที่กำลังฮอตฮิตติดกระแสกับสถานการณ์ในช่วงนี้ แล้วช่วงนี้มีใครที่กำลังทาน หรือกำลังหาวิตามินซี มาทานเสริมกันอยู่บ้างไหม สำหรับสาระน่ารู้ดีๆที่วันนี้มาฝาก ก็คือสารสกัดจากอะเซโรล่าเชอรี่ วิตามินซีจากธรรมชาตินั่นเอง
ถิ่นกำเนิด
อะเซโรล่าเชอร์รี่เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนของซีกโลกตะวันตก มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม และมีถิ่นกำเนิดอยู่ในเม็กซิโกทางตอนใต้ และแคริบเบียน อะเซโรลาเชอร์รี่จะมีผลที่เหมือนกับเชอรี่ แต่ไม่ใช่เชอรี่ที่แท้จริง ซึ่งผลจะมีรสชาติที่น่ารับประทาน และถูกนำมาใช้ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน รวมถึงทางการแพทย์พื้นบ้านด้วย ในการที่จะเข้ามาช่วยรักษาเกี่ยวกับโรคตับ ท้องร่วง ไอ และหวัด
วิตามินซีจากธรรมชาติสูงมาก
และสาเหตุที่อะเซโรล่าเชอร์รี่ เป็นที่รู้จักอย่างมาก เป็นเพราะว่ามีวิตามินซีสูงมากๆ จึงมักใช้เข้าไปช่วยป้องกันเกี่ยวกับโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีสารอาหารที่ให้สารต้านอนุมูลอิสระ และเข้าไปช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้อีกด้วย คล้ายกับเจ้าตัว
วิทช์ฮาเซล อะเซโรล่าเชอร์รี่ ที่เป็นยาสมานแผล ที่มักจะใช้มาช่วยรักษาในเรื่องของฝ้า ผิว และช่วยเสริมความยืดหยุ่นให้กับผิว และช่วยลดปัญหาในเรื่องของระบบทางเดินอาหาร หรืออาจจะมีการนำมาใช้เป็นน้ำยาบ้วนปากที่จะช่วยต้านจุลชีพ โดยวิตามินซีที่ได้จากอะเซโรล่าเชอรี่ จะให้ปริมาณวิตามินซีสูงกว่าส้ม 30-80 เท่าตัว นอกเหนือจากนี้ยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ โพแทสเซียม และแร่ธาตุอื่นๆอีกมากมาย
ซื้อผ่าน shopee ส่งฟรี ไม่ต้องใช้โค้ด
เสริมภูมิคุ้มกัน ซ่อมแซมเซลล์ อวัยวะ
วิตามินและแร่ธาตุ และสารอาหารเยอะขนาดนี้เรามาดูกันว่า อะเซโรล่าเชอร์รี่จะมีคุณสมบัติเกี่ยวกับด้านใดบ้าง วิตามินซีจากอะเซโรล่าเชอร์รี่สามารถที่จะดูดซึมผ่านทางลำไส้เล็กได้เร็วกว่าวิตามินซีสังเคราะห์ถึง 1.63 เท่า แถมยังมีไฟโตนิวเทรียนท์ อย่างฟลาโวนอยด์ และแอนโธไซยานิน ที่จะช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซีให้แก่ร่างกาย จึงทำให้สารสกัดจากอะเซโรล่าเชอร์รี่สามารถที่จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของเราได้ ข้อมูลนี้นะคะเป็นงานวิจัยนะคะของทางสถาบันเคมีภาควิชาชีวเคมีและเทคโนโลยีทางเคมี ที่ประเทศโปรตุเกส วิตามินซีมีส่วนช่วยที่จะเข้าไปกระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งตัวเซลล์เม็ดเลือดขาว จะทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันหลักให้กับร่างกายที่จะช่วยป้องกันพวกสิ่งแปลกปลอมแล้วก็เชื้อโรค ที่จะเข้าสู่ร่างกายให้กับเรา ทั้งวิตามินซี ยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของคอลลาเจน ซึ่งหมายความว่าร่างกายของเรา สามารถที่จะรักษาตัวเองได้เร็วขึ้น โดยผ่านการซ่อมแซมเซลล์ หลอดเลือด อวัยวะ และเนื้อเยื่อที่ได้รับการเจ็บป่วย หรือได้รับการบาดเจ็บ
ชะลอน้ำตาลสู่กระแสเลือด ช่วยโรคเบาหวาน
นอกจากนี้ อะเซโรล่าเชอร์รี่ของ ยังจะเป็นตัวช่วยที่จะเข้าไปจัดการกับโรคเบาหวานได้ ซึ่งข้อมูลนี้เนี่ยพบในวารสารไบโอซายน์ ไบโอเทคโนโลยี และไบโอเคมิสทรี โดยในข้อมูลนี้ แสดงให้เห็นว่าสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้จากอะเซโรล่าเชอร์รี่ สามารถที่จะเข้าไปช่วย ชะลอการปล่อยน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดได้ โดยการควบคุมอินซูลินและกลูโคส
นี่เป็นวิธีการสำคัญมากๆเลย ที่จะเข้าไปช่วยป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มขึ้น และลดลงในผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งข้อมูลในวารสารนี้เป็นการกล่าวอ้างอิงถึงงานวิจัยของคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยบอสตัน
งานวิจัย พบช่วยข้ออักเสบ โรคเกาต์
ในข้อมูลต่อมา เรายังพบงานวิจัยถึง 2 งานวิจัย ที่ได้กล่าวว่าเจ้าตัวอะเซโรล่าเชอร์รี่ อาจจะมีส่วนช่วยที่จะทำให้อาการของข้ออักเสบและโรคเกาต์ดีขึ้นได้ โดยทั้ง 2 งานวิจัยนี้นะคะเป็นงานวิจัยที่ได้จากศูนย์วิจัยโภชนาการมนุษย์ ของทางมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกาและฝ่ายวิจัยและพัฒนานิชิเรฟู้ด ร่วมกับภาควิชาเคมีชีวภาพของทางมหาวิทยาลัยโตเกียวที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้มีการกล่าวไว้ว่า เนื่องจากฤทธิ์ในการลดอาการอักเสบของอะเซโรล่าเชอร์รี่อาจจะช่วยลดอาการของข้ออักเสบและโรคเกาต์ได้
ซึ่งทั้งสองโรคนี้เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่งที่เกิดจากการสะสมของกรดยูริค ที่อาจทำให้เกิดอาการบวมอาการอักเสบและอาการปวดข้อเข่าอย่างรุนแรงได้ ผลการศึกษาแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า อะเซโรล่าเชอร์รี่สามารถที่จะเข้าไปช่วยยับยั้งความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันและลดการอักเสบได้ โดยการที่เข้าไปยับยั้งโปรตีนที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบ ซึ่งสามารถที่จะช่วยลดอาการที่เกี่ยวข้องกับข้ออักเสบได้ค่ะ
งานวิจัย พบช่วยลดกรดยูริค ลดโอกาสโรคเกาต์กลับมากำเริบ
โดยข้อมูลในงานวิจัยของศูนย์วิจัยโภชนาการมนุษย์ของทางมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ประเทศสหรัฐ ยังได้บอกอย่างชัดเจนว่าสามารถที่จะช่วยลดระดับของกรดยูริคในร่างกาย ทำให้มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่กำลังเป็นโรคเกาต์ โดยการศึกษานี้นะคะเป็นการศึกษาในผู้หญิงจำนวน 10 คน ที่รับประทานอะเซโรล่าเชอร์รี่เข้าไปในปริมาณ 280 กรัมต่อวัน พบว่าหลังจากที่รับประทานไปแล้ว ระดับโปรตีนที่ก่อให้เกิดภาวะการณ์อักเสบลดลงอย่างรวดเร็วภายในชั่วข้ามคืน และยังพบอีกนะคะว่าหลังจากรับประทานอะเซโรลาเชอรี่ไปแล้ว 5 ชั่วโมง ระดับของกรดยูริคลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
โดยในการศึกษาวิจัยของทางฝ่ายวิจัยและพัฒนาของทางนิชิเรฟู้ด ร่วมกับภาควิชาเคมีชีวภาพ ได้ทำการศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยโรคเกาต์จำนวน 633 คน โดยให้รับประทานอะเซโรลาเชอรี่เป็นระยะเวลา 2 วัน ผลการศึกษาพบว่าระดับความรุนแรงของโรคเกาต์ น้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอะเซโรล่าเชอร์รี่ถึง 35 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ในผลการศึกษา ก็ยังได้เปิดเผยอีกว่าเมื่อรับประทานอะเซโรลาเชอรี่ร่วมกับยาที่รักษาโรคเกาต์อย่างอัลโลพูรินอล จะมีโอกาสที่โรคเกาต์ กลับมากำเริบน้อยกว่าช่วงที่ไม่ได้รับประทานอะเซโรล่าเชอร์รี่ร่วมกับยาอัลโลพูรินอล ถึง 75 เปอร์เซ็นต์
อาหารเสริมอะเซโรล่าเชอร์รี่ ควรรับประทานหลังอาหาร
สำหรับข้อมูลที่นำมาฝากกันข้างต้นนี้ มันอาจจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะว่ายังมีอีกข้อมูลหลายอย่างเลยค่ะ ที่น่าสนใจมากเลยในตัว อะเซโรล่าเชอร์รี่ของเรา สำหรับใครที่พอฟังข้อมูลในวันนี้แล้ว และเกิดความสนใจอยากจะลองหา อะเซโรลาเชอร์รี่มารับประทาน แนะนำให้ลองหาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เขาทำการสกัดและบรรจุเป็นเม็ดซอฟเจล เพื่อที่จะง่ายต่อการรับประทาน และการดูดซึม มาลองรับประทานดู สำหรับการรับประทาน แนะนำให้รับประทานหลังอาหารเช้า เย็น หรือจะทานเพียงมื้อใดมื้อหนึ่งก็ได้ แต่แนะนำให้เป็นหลังอาหารจะดีที่สุด
ข้อควรระวัง
สำหรับข้อควรระวัง ถึงข้อมูลนี้ อาจจะยังไม่ได้มีระบุชัดเจน แต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ก่อนที่เราจะตัดสินใจที่จะรับประทานผลิตภัณฑ์ใดๆนั้น แนะนำให้ปรึกษากับแพทย์เภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญ ก่อนที่จะตัดสินใจรับประทาน
เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับสาระน่ารู้ดีๆที่นำมาฝากกันในวันนี้ เชื่อว่าหลายๆคน น่าจะชอบและก็น่าจะได้รับ สาระน่ารู้ดีๆไปไม่มากก็น้อย สำหรับวันนี้นะคะถ้าใครมีข้อคิดเห็นอยากจะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันก็สามารถที่จะพูดคุยผ่านกันใต้คอมเม้นวีดีโอนี้ได้ หรือถ้าใครอยากจะขอคำปรึกษากับทางเภสัชของเราก็สามารถที่จะติดต่อมาทางช่องทางด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ สำหรับวันนี้นะคะต้องขอขอบคุณมากๆเลยที่ติดตามกันมาแล้วเอาไว้พบกันใหม่วีดีโอหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
สนใจหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Click