75453 จำนวนผู้เข้าชม |
สวัสดีค่ะทุกๆคนกลับมาพบกันอีกครั้งนะคะกับช่วงสาระน่ารู้กับคุณหมอพลอยใสเช่นเคยนะคะ วันนี้พลอยจะได้นำสาระน่ารู้ดีๆ มาฝากทุกคนอีก ทุกๆคนมีใครรู้บ้างไหม ว่าเจ้าตัวกระเทียมหัวเล็กๆ มีคุณสมบัติอะไรบ้าง ถ้าใครพอจะรู้ ก็มาช่วยแชร์กันด้านนี้ได้เลย แต่ถ้าใครยังไม่รู้ หรืออยากจะมีความรู้เพิ่มเติม ก็มาฟังกันเลย เพราะว่าวันนี้ พลอยได้นำสาระน่ารู้ดีๆ เกี่ยวกับกระเทียมมาฝากทุกคนกัน
กระเทียม เป็นไม้ล้มลุกที่มีกลิ่นแรง แล้วก็มีหัวอยู่ใต้ดิน หัวใต้ดินก็จะมีกลีบเล็กๆ หนึ่งหัวจะมีกลีบอยู่ประมาณ 6 ถึง 15 กลีบ มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนใต้ของทวีปยุโรปไปจนถึงทางตอนกลางของทวีปเอเชีย และในกลีบกระเทียมสด ก็จะมีน้ำมันหอมระเหยที่ประกอบไปด้วย สารกำมะถันหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น อัลลิซิน อัลลิอิน อะโจอีน แล้วก็สารอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้ ยังมีทั้งโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ และกรดอะมิโนจำเป็นอีกด้วย
สำหรับคุณสมบัติของกระเทียม มีการพบข้อมูลที่ WHO monographs on selected medicinal plants โดยได้ทำการรวบรวมข้อมูลจากการศึกษาวิจัยในคน และได้ทำการสรุปไว้ว่า กระเทียมหรือผลิตภัณฑ์จากกระเทียม มีฤทธิ์ลดการจับตัวของเกล็ดเลือด และยังช่วยเพิ่มความสามารถในการสลาย ไฟบริน มีฤทธิ์ลดไขมันในเลือดและความดันโลหิต
อีกทั้งยังช่วยลดการเกิดออกซิเดชัน ของไรโพโปรตีน จึงสามารถช่วยลดความเสี่ยง ที่จะเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด ด้วย สาเหตุนี้ได้นำตัวกระเทียมนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อช่วยบรรเทาภาวะไขมันในเลือดสูง ป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว และช่วยลดระดับความดันในกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูงได้ด้วย
ในบทความสุขภาพจากคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ระบุอีกว่า ในสาระสำคัญจากกระเทียมอย่าง Ajoene และ Allicin สามารถที่จะช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดได้ โดยในบทความนี้ เป็นการรวบรวมนำเอางานวิจัยเกี่ยวกับเจ้าตัวกระเทียมในเรื่องของ
- การลดระดับคลอเรสเตอรอลถึง 22 งานวิจัยและ
- งานวิจัยเกี่ยวกับกระเทียมในเรื่องของการลดระดับโคเลสเตอรอลชนิด ldl ถึง 17 งานวิจัย และ
- งานวิจัยของกระเทียม ในเรื่องของการลดระดับน้ำตาลในเลือด 4 งานวิจัย และ
- งานวิจัยเกี่ยวกับกระเทียม ในเรื่องของการลดระดับความดันโลหิตขณะที่หัวใจบีบตัว 9 งานวิจัย และ
- งานวิจัยเกี่ยวกับกระเทียมข่าในเรื่องของการลดระดับความดันโลหิตในขณะที่หัวใจคลายตัวอีก 10 งานวิจัย
กดคลิ๊กรูปด้านบนดูงานวิจัย
และก็ได้ทำการสรุปได้ว่า กระเทียมสามารถที่จะช่วยลดคลอเรสเตอรอลรวม คอเลสเตอรอลชนิด ldl และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ซึ่งมีงานวิจัยในต่างประเทศที่ภาควิชาโภชนศาสตร์และการจัดการอาหาร ของทางมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวานที่ประเทศเกาหลี เขาได้ทำการศึกษาการบริโภคผงกระเทียม ในการลดปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งการศึกษาจะเป็นการวิเคราะห์โดยอภิมานของการทดลองทางคลินิก ที่มีกลุ่มควบคุมแบบสุ่ม สามารถที่จะช่วยป้องกันภาวะเสี่ยง ที่จะก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
งานวิจัยนี้ยังไปสอดคล้องกับงานวิจัยของสถาบันพิษวิทยาของทางมหาวิทยาลัยชานดังที่ประเทศจีน โดยการศึกษายังพบอีกว่าทั้งกระเทียมสดและกระเทียมผง สามารถที่จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้ ส่วนสารสกัดกระเทียมจะให้ผลในการลดคอเลสเตอรอลรวมในเลือดได้มากกว่ากระเทียมสดและกระเทียมผง ในขณะที่ น้ำมันกระเทียม สามารถที่จะช่วยลดค่าไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้มากกว่ากระเทียมสดและกระเทียมผงค่ะ
คุณสมบัติต่อมาของกระเทียมที่เรายังพบข้อมูล ข้อมูลนี้มาจากบทความสุขภาพ จากศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลของทางจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย โดยได้ระบุไว้ว่ากระเทียม มีส่วนช่วยในการเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย โดยในบทความนี้ ได้กล่าวถึงงานวิจัยของ ลีด ที่มีการตีพิมพ์เมื่อปี 2016 งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยที่นำเอางานวิจัยทั่วโลกมากกว่า 20 งานวิจัยและครอบคลุมอาสาสมัครถึง 970 รายการ
โดยได้ทำการสรุปไว้ว่า กระเทียมและสามารถที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว โดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดมาโกรฟา ที่ทำหน้าที่ในการดักจับแอนติเจน และเพิ่มการผลิต T Cell และ B Cell ในร่างกายของเรา กระเทียมยังช่วยลดการติดเชื้อที่บริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ในผู้ที่เป็นหวัด หรือเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ด้วย
และยังพบอีกว่ากระเทียมยังสามารถที่จะช่วยให้จำนวนของเชื้อ และระยะเวลาของการติดเชื้อ รวมถึงความรุนแรงของอาการลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งก็จะไปสอดคล้องกับงานวิจัยของเพอไซวอล ที่ได้มีการระบุไว้ว่า การทานกระเทียมเสริมในปริมาณ 2.56 กรัมต่อวันเป็นระยะเวลา 90 วัน สามารถที่จะเข้าไปช่วยเสริมการแบ่งตัว ของเซลล์ภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราได้อย่างมีนัยยะสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้รับการเสริมด้วยกระเทียม
สำหรับคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้นอาจจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง ถ้าให้พูดคุณสมบัติทั้งหมดของเจ้าตัวกระเทียมวันนี้ เวลาอาจจะไม่พอ สำหรับใครที่พอฟังข้อมูลแล้วสนใจอยากจะลองหาเจ้าตัวสารสกัดกระเทียม มาลองรับประทานเพื่อเป็นการเสริมร่างกายของเรา แนะนำให้ลองหาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำการสกัดกระเทียม ออกมาในรูปแบบ Oil และบรรจุเม็ด เพื่อให้ง่ายต่อการรับประทาน สำหรับการรับประทาน แนะนำให้รับประทานเป็นหลังอาหารประมาณ 15-30 นาที ในมื้อเช้าและมื้อเย็น
แน่นอนค่ะมีข้อดีก็ต้องมีข้อควรระวัง สำหรับข้อควรระวังในการรับประทานกระเทียม ก็จะเป็นกลุ่มคนที่ทานยาในกลุ่มยาละลายลิ่มเลือด หรือกลุ่มยาแอสไพริน หรือคนที่รับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีผลต่อการจับตัวของเกล็ดเลือด เพื่อความปลอดภัย ยังไม่แนะนำให้รับประทาน หรือเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ก่อนที่เราจะตัดสินใจรับประทานผลิตภัณฑ์ใดๆนั้น แนะนำให้ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ แพทย์ประจำตัว หรือเภสัชก่อน เพื่อความปลอดภัยจะดีที่สุด
เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับสาระน่ารู้ดีๆ ที่นำมาฝากกันในวันนี้สำหรับใคร ถ้าอยากจะลองแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นหรือว่าอยากจะใช้ความรู้ความสามารถที่จะแชร์เข้ามาได้ใต้คอมเม้น ของวิดีโอนี้ได้เลย หรือใคร อยากจะปรึกษากับทีมเภสัชของเรานะคะก็สามารถติดต่อมาได้ ตามลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ สำหรับวันนี้นะคะ พลอยต้องขอลาไปก่อนสวัสดีค่ะ