88431 จำนวนผู้เข้าชม |
กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะ กับช่วงสาระน่ารู้กับคุณหมอพลอยใสค่ะตอนนี้ ใครกำลังมีปัญหา ผมขาด หลุดร่วง ผมบาง ผมหงอกเร็ว หรือเล็บเปราะกันบ้าง ถ้ามีปัญหาเหล่านี้รีบมาฟังทางนี้เลยค่ะ สำหรับข้อมูลที่พลอยมาฝากทุกคนในวันนี้ เป็นข้อมูลเกี่ยวกับ ไบโอติน ซึ่งเป็นตัวช่วยหลักสำหรับคนที่มีปัญหาผมและเล็บ
สำหรับไบโอตินเขาจะมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วิตามิน H (Vitamin H) หรือวิตามินบี 7 (Vitamin B7) จัดอยู่ในกลุ่มวิตามินบีทีละลายในน้ำได้ และทำงานร่วมกับวิตามินบีตัวอื่นๆ ที่มีความสำคัญอย่างมากในการเจริญเติบโตของเซลล์ รวมถึงระบบเผาผลาญอาหารในร่างกายของเรา
เคราตินในเซลล์
และที่สำคัญไบโอตินยังทำที่เสริมสร้างเคราตินให้แข็งแรง เคราตินเป็นโปรตีนที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เอง ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลัก ให้กับเล็บ เส้นผม และผิวหนัง ของร่างกายของเรา
โดยแหล่งอาหารที่สำคัญ ที่เราสามารถพบไบโอตินตามธรรมชาติ ได้แก่ ไข่แดง นมเนย ถั่วลิสง และก็ข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี
ปกติร่างกายของเรา จะได้รับไบโอตินจากธรรมชาติ ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการต่อวัน โดยปริมาณที่เราจะได้รับ จะอยู่ที่ 100 ถึง 150 ไมโครกรัมต่อวัน โดยได้รับไบโอตินมาจาก 2 แหล่งนั่นก็คือ
1. การสังเคราะห์แสงของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่
2. อาหารที่เรารับประทานในแต่ละวัน และถึงแม้ว่าเราจะได้รับไบโอติน
ในแต่ละวัน ในแต่ละมื้อเข้าไปสู่ร่างกายของเราแล้วแต่ก็ยังจะมีปัจจัยต่างๆที่เข้าไปมีผลทำให้ร่างกายของเราได้รับไบโอตินที่น้อยลง ไม่ว่าจะเป็นการขาดสารอาหารระหว่างตั้งครรภ์ หรือระบบทางเดินอาหารทำงานลดลง การรับประทานยาบางชนิด หรือการดื่มเครื่องดื่มและการสูบบุหรี่
โดยอาการที่จะแสดงให้เห็นว่าตอนนี้ร่างกายของเรากำลังขาดไบโอตินนั้น ก็ได้แก่สีผมที่เปลี่ยนไป ผมหงอกเร็ว ผมขาดหลุดร่วง ผิวหนังอักเสบ เล็บเปราะ เล็บหักง่าย รวมถึงอาการอ่อนเพลีย
เมื่อปี 2015 สถาบัน Ablon Skin Institute Research Center ที่ Manhattan Beach ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับไบโอติน https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/25883641/ กับกลุ่มผู้ที่มีปัญหาผมบาง โดยอาสาสมัครกลุ่มนี้ จะได้รับการรับประทานอาหารเสริมโปรตีน ที่มีไบโอตินซิงค์ และซิลิคอน เป็นส่วนประกอบอยู่ในนั้น
ซึ่งในการศึกษานี้ จะทำการคัดเลือก อาสาสมัครเพศหญิง จำนวน 30 คน มีอายุอยู่ในช่วง 21 ถึง 65 ปี และมีปัญหาผมบาง ที่มีสาเหตุมาจากฮอร์โมนความเครียด และการรับประทานอาหาร จากนั้นก็ทำการแบ่งกลุ่มอาสาสมัครออกเป็น 2 กลุ่ม โดยอาสาสมัครกลุ่มแรก จะได้รับการรับประทานอาหารเสริมโปรตีน ที่ประกอบไปด้วยไบโอตินซิงค์ และซิลิคอนจากหญ้าหางม้า วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้าเย็น เป็นระยะเวลาจำนวน 90 วันส่วนกลุ่มอาสาสมัครกลุ่มที่ 2 จะได้รับประทานเป็นยาหลอก
The number of terminal and vellus hairs at baseline (left) increased significantly after 90 days of treatment (right).
ด้วยการศึกษานี้ จะทำการวัดผล โดยวัดจากพื้นที่บนหนังศีรษะ ขนาด 4 ตารางเซนติเมตร และทำการเปรียบเทียบ จำนวนเส้นผมที่เกิดใหม่ และความหนาแน่นของเส้นผม บนหนังศีรษะ
โดยผลการศึกษาพบว่า กลุ่มอาสาสมัคร ที่รับประทานอาหารเสริมโปรตีน ที่ประกอบไปด้วยไบโอตินซิงค์ ซิลิคอนจากหญ้าหางม้า เป็นระยะเวลา 90 วันมีปริมาณจำนวนของเส้นผมเพิ่มขึ้น มีผมที่เกิดใหม่เพิ่มขึ้น และผมดูหนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังพบอีกว่า ปริมาณของการขาดหลุดร่วงของเส้นผมน้อยลง เซลล์ผมเกิดใหม่มีความแข็งแรง และดูเงางามมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น ฟังข้อมูลนี้แล้วแม่ก็อยากจะหาไบโอตินมารับประทานกันใช่ไหมล่ะ
ถ้าทานโปรตีนไปแล้วเนี่ยจะมีผลข้างเคียง ฟังทางนี้ค่ะ โดยปกติแล้ว ในการรับประทานอาหารเสริม สามารถที่จะเกิดผลข้างเคียงโดยทั่วไปได้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างอาการผื่นขึ้นเล็กน้อย แต่หากเมื่อไหร่ที่มีอาการรุนแรง อย่างเช่นอาการอาเจียนคลื่นไส้แน่นหน้าอกหายใจไม่สะดวก ทางที่ดีที่สุดเราควรที่จะหยุดรับประทานโดยทันที และรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการนั้น
แต่สำหรับใครที่พอจะฟังแล้วอยากจะหาไบโอตินมารับประทาน ในปัจจุบันนี้ สามารถที่จะหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่เป็นไบโอติน มารับประทานได้ง่ายๆ แล้ว ซึ่งโดยทั่วไปนะคะผลิตภัณฑ์ที่เขาพัฒนามาเนี่ยก็จะมีปริมาณของไบโอติน อยู่ที่ประมาณ 25 ถึง 300 ไมโครกรัม ก็จะมีวิตามินดีและวิตามินอื่นๆรวมอยู่ในนั้น
แนะนำให้รับประทานวันละ 1-2 แคปซูลนะคะและสำหรับใคร ที่ต้องการรับประทานผลิตภัณฑ์ไบโอติน เพื่อที่จะ เข้าไปช่วยลดปัญหาผม และเล็บ แนะนำให้หาผลิตภัณฑ์ที่ มีการนำไบโอตินไปผสมกับซิงค์ และสารสกัดจากหญ้าหางม้า เพื่อที่จะได้รับการฟื้นฟูปัญหาดังกล่าวใดมากที่สุด
เชื่อว่าข้อมูลที่พลอยนำมาฝากกันในวันนี้ น่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ก่อนที่เราจะตัดสินใจ ที่จะรับประทานผลิตภัณฑ์ใดๆนั้น เพื่อความปลอดภัยของตัวเรา ควรที่จะไปขอคำแนะนำ จากแพทย์หรือเภสัชกร ก่อนที่จะตัดสินใจรับประทานผลิตภัณฑ์นั้น
เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับสาระน่ารู้ดีๆที่นำมาฝากทุกคนในวันนี้ถ้าใครมีข้อสงสัยหรืออยากจะแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นก็สามารถที่จะ comment ใต้คลิปวีดีโอด้านล่างนี้ได้เลยนะคะ
และหากใครต้องการที่จะปรึกษากับทีมเภสัชกรของเรา ก็สามารถที่จะติดต่อเข้ามาตามลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ และสำหรับวันนี้ พลอยก็ต้องขอลาไปก่อน ไว้พบกันใหม่ในคลิปวีดีโอต่อไปนะคะสำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ